จัดฟันรอบสอง: ปรับรอยยิ้มให้สมบูรณ์แบบอีกครั้ง

 

จัดฟันรอบสอง

 

จัดฟันรอบสองคืออะไร?

การจัดฟันรอบสอง หรือ การจัดฟันซ้ำ หมายถึงการเข้ารับการจัดฟันใหม่อีกครั้งหลังจากที่เคยจัดฟันไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ฟันเกิดการเคลื่อนที่หรือมีปัญหาการสบฟันที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขสมบูรณ์

คุณกำลังประสบปัญหาเหล่านี้หรือไม่?

  • ขี้เกียจใส่รีเทนเนอร์ ทำให้ฟันเคลื่อนที่กลับมาอยู่ผิดตำแหน่ง

  • เคยจัดฟันมาแล้ว จัดใหม่ เพราะฟันล้ม

  • เคยจัดฟันมาแล้ว จัดใหม่ เพราะฟันหน้างุ้ม

  • จัดฟันแบบถอนฟันมาแล้ว แต่หน้ายังอูมอยู่

  • ต้องการแก้ไขเพิ่มเติม เช่น การปรับรูปหน้า การสบฟัน หรือความสมมาตรของรอยยิ้ม

หากคุณกำลังมองหา จัดฟันรอบสอง ราคาไม่แพง จัดฟันรอบสอง ค่าใช้จ่าย คุ้มค่า หรือ จัดฟันรอบสอง แบบไหนดี ที่เหมาะกับปัญหาฟันของคุณ ลองอ่านบทความนี้เพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดฟันซ้ำ ซึ่งตัวเลือกมีหลากหลาย สามารถเลือกได้ทั้ง จัดฟันรอบสอง แบบใส หรือจัดฟันแบบโลหะ

ปรึกษาทันตแพทย์เพื่อวางแผน จัดฟันรอบสอง ราคาถูก และรับคำแนะนำเกี่ยวกับระยะเวลา จัดฟันรอบสอง กี่เดือน ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล


ทำไมต้องจัดฟันรอบสอง?

ฟันเคลื่อนกลับหลังจัดฟันรอบแรก

ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้ตลอดชีวิต แม้หลังจากการจัดฟันแล้ว หากไม่มีการคงสภาพฟันอย่างเหมาะสม ฟันอาจเคลื่อนกลับไปใกล้เคียงตำแหน่งเดิม สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่

  • ไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำ หรือใส่ไม่สม่ำเสมอ

  • แรงกดจากลิ้น หรือการบดเคี้ยวผิดปกติ

  • มีฟันคุดดันฟันขยับ ส่งผลให้ฟันเคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิม

การจัดฟันรอบสองช่วยปรับตำแหน่งฟันที่เคลื่อนที่ และป้องกันปัญหาการเคลื่อนตัวเพิ่มเติมในอนาคต


ยังไม่พอใจในผลการรักษารอบก่อน

บางครั้งแม้การจัดฟันรอบแรกจะช่วยเรียงฟันให้สวยงามขึ้น แต่ การสบฟันอาจยังไม่สมบูรณ์ ปัญหาที่พบบ่อยๆได้แก่

  • ฟันอูมอยู่ เพราะฟันหน้ายังอยู่ด้านหน้าเกินไป รอบที่แล้วไม่มีการถอนฟัน

  • เคยถอนฟันแล้ว แต่ฟันก็อูมอยู่ กรณีนี้ถ้าจัดฟันรอบสองอาจต้องมีการใช้หมุดจัดฟันร่วมด้วย

  • เคสถอนฟันแล้วฟันงุ้ม เนื่องจากฟันหน้าบนถูกดึงเข้าไปด้านในเยอะเกินไป

  • ฟันหลังสบเปิด (posterior open bite) ฟันหลังไม่สบกัน แม้จัดฟันเสร็จแล้ว มักพบในการจัดฟันใส

การจัดฟันรอบสองช่วยปรับการสบฟันให้ดีขึ้น ลดปัญหาการเคี้ยวอาหารไม่เต็มประสิทธิภาพ 


ปรับปรุงรอยยิ้มและสุขภาพช่องปากให้ดีขึ้น

แม้ว่าการจัดฟันรอบแรกอาจช่วยแก้ไขฟันซ้อนเก หรือปัญหาฟันล้มไปแล้ว แต่บางคนอาจต้องการ ปรับปรุงรอยยิ้มให้ดียิ่งขึ้นเช่น

  • ต้องการ ให้ฟันเรียงตัวสมบูรณ์กว่าที่เป็นอยู่

  • ต้องการให้ฟันอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับโครงหน้า

  • ปรับปรุงความสมดุลของริมฝีปากและแนวฟัน

นอกจากนี้ การจัดฟันรอบสองยังช่วย ลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น ฟันผุ เหงือกร่น หรือการสะสมของคราบแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดโรคเหงือกในอนาคต


รอบที่แล้วยังจัดไม่เสร็จ มีความจำเป็นต้องยุติการรักษาก่อนกำหนด

บางคนอาจต้องยุติการจัดฟันก่อนกำหนด เนื่องจาก

  • ย้ายที่อยู่ เปลี่ยนคลินิก หรือมีเหตุจำเป็นด้านการเงิน

  • ปัญหาสุขภาพบางประการที่ทำให้ต้องหยุดการรักษาชั่วคราว

  • การรักษารอบแรกไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

หากเคยจัดฟันแต่ต้องหยุดกลางคัน การจัดฟันรอบสองเป็นโอกาสในการแก้ไขปัญหาเดิม และทำให้ผลลัพธ์ของการจัดฟันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น


 

ขั้นตอนการจัดฟันรอบสอง

การจัดฟันรอบสองต้องผ่านการตรวจประเมินอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถแก้ไขปัญหาฟันเคลื่อนหรือปัญหาการสบฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการนี้คล้ายกับการจัดฟันรอบแรก แต่จะเน้นที่การวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ฟันเคลื่อนและเลือกวิธีแก้ไขที่เหมาะสมที่สุด

ตรวจประเมินและวางแผนการรักษา

กระบวนการจัดฟันรอบสองเริ่มต้นจากการ ตรวจประเมินโดยทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน เพื่อตรวจสอบสภาพฟันและเหงือก พร้อมระบุสาเหตุที่ทำให้ฟันเคลื่อน

ทำประวัติก่อนการรักษา ประกอบด้วย

  1. สแกนหรือพิมพ์ฟัน เพื่อดูโครงสร้างของฟันและขากรรไกร

  2. เอกซเรย์ช่องปาก เพื่อดูตำแหน่งรากฟันและขากรรไกร

  3. ถ่ายภาพ ทั้งใบหน้า และภาพฟัน

  4. วางแผนการรักษา โดยเลือกเครื่องมือจัดฟันที่เหมาะสมกับปัญหาของผู้ป่วย


เลือกประเภทเครื่องมือจัดฟันที่เหมาะสม

เครื่องมือที่ใช้ในการจัดฟันรอบสองขึ้นอยู่กับ ระดับของปัญหาฟันเคลื่อน และ ความต้องการของผู้ป่วย จัดฟันใส หรือ จัดฟันโลหะ


ปรับเครื่องมือและติดตามผลเป็นประจำ

หลังจากติดเครื่องมือจัดฟันเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาจะต้อง พบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจสอบการเคลื่อนของฟันและปรับเครื่องมือ

กระบวนการติดตามผล

  • จัดฟันใส

    • เปลี่ยนถาดจัดฟันทุก 1-2 สัปดาห์

    • เข้าพบทันตแพทย์ทุก 4-6 สัปดาห์เพื่อตรวจสอบการเคลื่อนของฟัน

    • ใส่ถาดจัดฟัน วันละ 20-22 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด

  • เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น

    • พบทันตแพทย์ทุก 4 สัปดาห์เพื่อติดตามผลและปรับลวดจัดฟัน

    • ระมัดระวังเรื่องอาหารที่แข็งและเหนียวเพื่อลดโอกาสที่เครื่องมือจะเสียหาย

    • ดูแลความสะอาดเป็นพิเศษเพื่อป้องกันฟันผุและคราบหินปูนสะสม


ประเภทเครื่องมือจัดฟันรอบสอง

การจัดฟันรอบสองมีหลายทางเลือกขึ้นอยู่กับ ระดับของปัญหาฟันเคลื่อน และ ความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาทันตแพทย์จะช่วยแนะนำเครื่องมือที่เหมาะสมกับสภาพฟันและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

จัดฟันแบบเหล็ก

การจัดฟันแบบโลหะ (Metal Braces) เป็นเครื่องมือจัดฟันที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมทิศทางการเคลื่อนของฟัน เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาฟันเคลื่อนที่รุนแรง ฟันซ้อนเก หรือปัญหาการสบฟันที่ซับซ้อน

ข้อดีของจัดฟันแบบเหล็ก

  • มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาฟันเคลื่อนระดับมาก

  • ควบคุมการเคลื่อนของฟันได้แม่นยำ

  • ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการจัดฟันแบบใส

ข้อเสียของจัดฟันแบบเหล็ก

  • มองเห็นเครื่องมือชัดเจน

  • ต้องเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อปรับลวดจัดฟัน

  • ต้องดูแลความสะอาดเป็นพิเศษเพื่อลดคราบจุลินทรีย์


จัดฟันใส

จัดฟันรอบสอง จัดฟันใส (เช่น Invisalign, Spark, Clearcorrect, CA clear aligner) เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะสามารถถอดออกได้ สะดวกต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และมองแทบไม่เห็นเครื่องมือ ส่วนมากคนที่จัดฟันรอบสองมักเป็นวัยผู้ใหญ่ที่เคยจัดฟันแบบเหล็กแล้ว แต่ไม่อยากกลับไปติดเหล็กอีก ดังนั้นการจัดฟันใสจึงเป็นทางเลือกที่ดี

ข้อดีของจัดฟันแบบใส

  • แทบมองไม่เห็นเครื่องมือ ช่วยเพิ่มความมั่นใจ

  • ถอดออกได้ ทำให้รับประทานอาหารและทำความสะอาดฟันได้ง่าย

  • ลดโอกาสเกิดคราบจุลินทรีย์และหินปูนสะสม

  • ไม่มีลวดหรือเหล็กที่อาจระคายเคืองในช่องปาก

ข้อเสียของจัดฟันแบบใส

  • ต้องมีวินัยในการใส่ถาดจัดฟัน วันละ 20-22 ชั่วโมง

  • อาจไม่เหมาะกับเคสที่ต้องเคลื่อนฟันระดับมาก

  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันโลหะ


สรุป – ควรเลือกแบบไหนดี?

เปรียบเทียบจัดฟันรอบสอง แบบใส แบบลวด

คุณสมบัติ

จัดฟันแบบเหล็ก

จัดฟันแบบใส

ความมองเห็น

เห็นชัดเจน

มองแทบไม่เห็น

ความสะดวกในการใช้ชีวิต

มีข้อจำกัดเรื่องอาหารและการทำความสะอาด

ถอดออกได้ รับประทานอาหารและแปรงฟันได้สะดวก

ความสบายในการใส่

อาจรู้สึกระคายเคืองจากเหล็กและลวด

ไม่มีลวด ไม่ระคายเคืองเหงือกและกระพุ้งแก้ม

ระยะเวลา

1.5 - 2 ปี

6 เดือน - 2 ปี (ขึ้นอยู่กับเคส)

เหมาะสำหรับ

ฟันเคลื่อนมาก ฟันซ้อน ฟันเก

เคสฟันเคลื่อนเล็กน้อยถึงปานกลาง ฟันไม่ซับซ้อนมาก

ค่าใช้จ่าย

ต่ำที่สุด

สูงที่สุด

ความถี่ในการพบทันตแพทย์

ทุก 4 สัปดาห์

ทุก 4-6 สัปดาห์

โอกาสเกิดคราบจุลินทรีย์และหินปูน

สูง ต้องดูแลความสะอาดดี

ต่ำ เพราะไม่มีอุปกรณ์ติดแน่น

การแก้ไขปัญหาฟันเคลื่อน

ควบคุมการเคลื่อนของฟันได้ดี

เคลื่อนฟันแบบค่อยเป็นค่อยไป

การดูแลรักษา

ต้องใช้ไหมขัดฟันและแปรงซอกฟันเป็นประจำ

ทำความสะอาดง่าย ไม่มีอุปกรณ์ติดแน่น